ปัจจุบันบริการเดลิเวอรี่อาหารได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องให้ความสำคัญกับ “บรรจุภัณฑ์อาหารเดลิเวอรี่” เพื่อให้มั่นใจว่าอาหารถึงมือลูกค้าในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่หกเลอะเทอะ หรือเสียรสชาติจากการขนส่ง
การเลือกประเภทกล่องใส่อาหารที่เหมาะสม นอกจากจะช่วยคงคุณภาพอาหารแล้ว ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการได้รับรีวิวที่ดี
6 ประเภทกล่องใส่อาหารสำหรับธุรกิจเดลิเวอรี่

1.กล่องกระดาษพิมพ์ลาย / ถุงกระดาษ (Customizable Box/Bag)
เหมาะสำหรับ: อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนม และอาหารที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์
จุดเด่น
- พิมพ์ลายได้ตามต้องการ: กล่องและถุงสามารถพิมพ์โลโก้และดีไซน์เฉพาะของร้านได้ การพิมพ์ลวดลายและโลโก้บนบรรจุภัณฑ์ช่วยเพิ่มมูลค่าและทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น
- สร้างความประทับใจ: การออกแบบกล่องให้เป็นของสะสมหรือมีลูกเล่นพิเศษสามารถเพิ่มประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้าได้
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: กล่องและถุงกระดาษเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าพลาสติก โดยทั่วไปผลิตจากกระดาษที่สามารถสัมผัสอาหารได้อย่างปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างการใช้งาน
- ร้านพิซซ่าใช้กล่องที่ออกแบบพิเศษสำหรับเดลิเวอรี่ เช่น Pizza Hut ที่ใช้ Triple Box
- ร้านกาแฟ เช่น Starbucks ที่เขียนชื่อลูกค้าลงบนแก้ว
นอกจากนี้ กล่องกระดาษใส่อาหารที่พิมพ์ลายยังช่วยเพิ่มความสวยงามและทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำ กล่องกระดาษมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนและเคลือบกันซึม ทำให้สามารถใส่อาหารได้หลากหลายประเภท ทั้งอาหารแห้งและน้ำ การเลือกกล่องให้เหมาะสมกับประเภทอาหารแสดงถึงความใส่ใจและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า
2.กล่องเก็บความร้อนและเย็น (Temperature-Retaining Packaging)
เหมาะสำหรับ: อาหารที่ต้องการรักษาอุณหภูมิ เช่น อาหารร้อนและเย็น
วัสดุที่นิยมใช้
- โฟม (Styrofoam): สามารถเก็บอุณหภูมิอาหารได้ดี อย่างไรก็ตาม, โฟมไม่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ และเหมาะสำหรับอาหารที่พร้อมรับประทานเท่านั้น
- อะลูมิเนียมฟอยล์: ทนความร้อนสูง สามารถนำเข้าเตาอบได้ และยังสามารถรีไซเคิลได้อีกด้วย
ข้อควรระวัง
- โฟมไม่สามารถให้ความร้อนซ้ำได้ จึงเหมาะสำหรับอาหารที่พร้อมรับประทานเท่านั้น
3.กล่องมีที่ระบายอากาศ (Vented Containers)
เหมาะสำหรับ: อาหารทอด เช่น เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด ที่ต้องการคงความกรอบ
จุดเด่น
- ป้องกันอาหารอมน้ำมัน: กล่องมีช่องระบายอากาศที่ช่วยลดความชื้นและป้องกันอาหารจากการอมน้ำมัน
- คงความกรอบ: ช่วยให้อาหารทอดคงความกรอบได้นานกว่าการใช้กล่องที่ปิดสนิท
วิธีแก้ปัญหา
- หากใช้กล่องกระดาษ ควรเจาะรูเพื่อช่วยระบายไอน้ำ นอกจากนี้ กล่องพลาสติก PP ที่มีรูระบายอากาศก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เนื่องจากวัสดุ PP ทนความร้อนได้ดีและช่วยป้องกันความอับชื้น กล่องพลาสติก PP แบบแยกช่องยังช่วยให้สามารถใส่อาหารที่เป็นน้ำและของแห้งในกล่องเดียวกันได้ โดยไม่ทำให้ความกรอบของอาหารทอดลดลง เหมาะสำหรับอาหารที่มีน้ำจิ้มแยกไว้
4.กล่องแบ่งช่อง (Multi-Compartment Containers)
เหมาะสำหรับ: อาหารที่มีหลายเมนู เช่น ข้าวกล่อง อาหารญี่ปุ่น
จุดเด่น
- แยกอาหารแต่ละชนิด ป้องกันรสชาติปะปนกัน
- ช่วยคงคุณภาพอาหาร เช่น ข้าวไม่โดนน้ำซุป หรือผักไม่โดนน้ำจิ้ม
ตัวอย่างการใช้งาน
- ร้านอาหารสุขภาพที่ต้องการแยกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และผักให้อยู่ในช่องของตัวเอง
5.กล่องเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบได้ (Microwave/Oven-Safe Containers)
เหมาะสำหรับ: อาหารแช่แข็ง อาหารที่ต้องการอุ่นก่อนรับประทาน
วัสดุที่นิยมใช้
- พลาสติก PP (Polypropylene): สามารถใช้กับไมโครเวฟและนำไปอุ่นในน้ำร้อนได้ กล่องอาหารที่มีสัญลักษณ์หมายเลข 5 (PP) สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้
- อะลูมิเนียม: สามารถนำเข้าเตาอบได้ แต่ห้ามใช้ในไมโครเวฟ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟ
ข้อดี
- เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า สามารถอุ่นอาหารได้ทันที
- ป้องกันอันตรายจากการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม เช่น พลาสติกละลายในไมโครเวฟ
6.กล่องรักษ์โลก (Eco-Friendly Packaging)
เหมาะสำหรับ: ร้านอาหารที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
ตัวเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- กระดาษรีไซเคิล: ช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่ การใช้กล่องกระดาษใส่อาหารช่วยให้แบรนด์มีความทันสมัยและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- พลาสติกชีวภาพ (Bioplastics): ผลิตจากพืช เช่น อ้อยและข้าวโพด และสามารถย่อยสลายได้
- แก้ว (Glass): สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ไม่จำกัด โดยเฉพาะแก้วบอโรซิลิเกต (Borosilicate Glass) ซึ่งมีความแข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกสูง สามารถใช้ได้ทั้งในช่องแช่แข็ง ไมโครเวฟ และเตาอบ
- อะลูมิเนียม: มีความทนทานและสามารถรีไซเคิลได้
ข้อดี
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แบรนด์
- ดึงดูดลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
วิธีเลือกกล่องอาหารเดลิเวอรี่ให้เหมาะกับร้านคุณ
การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจของคุณโดดเด่นและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า โดยควรคำนึงถึงปัจจัยต่อไปนี้
- ความปลอดภัยและการปิดผนึก – ป้องกันการรั่วไหลหรือเสียรูป
- ความสะดวกของลูกค้า – ง่ายต่อการพกพาและอุ่นอาหาร
- ความคงทนของบรรจุภัณฑ์ – รองรับแรงกระแทกระหว่างขนส่ง
- ความยั่งยืน – ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อคุณให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น และธุรกิจของคุณก็จะเติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน!
สรุป
ประเภทกล่องใส่อาหารที่นิยมใช้กับธุรกิจเดลิเวอรี่ มีหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับประเภทอาหารและความต้องการของร้านค้า เช่น กล่องกระดาษพิมพ์ลาย ที่ช่วยสร้างแบรนด์ กล่องเก็บอุณหภูมิ สำหรับอาหารร้อนหรือเย็น กล่องมีช่องระบายอากาศ เพื่อคงความกรอบของอาหารทอด กล่องแบ่งช่อง สำหรับอาหารที่ต้องแยกส่วน กล่องเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบได้ เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้า และ กล่องรักษ์โลก ที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน การเลือกใช้กล่องที่เหมาะสมจะช่วยรักษาคุณภาพอาหาร เสริมภาพลักษณ์ของร้าน และสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า นำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้น