เรียนรู้ประเภทของลอนกระดาษลูกฟูกแต่ละประเภท จุดเด่น ข้อจำกัด และการเลือกใช้ให้เหมาะกับสินค้า เพื่อความปลอดภัยในการขนส่งและบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ
การเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความปลอดภัยของสินค้าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ กระดาษลูกฟูก นับเป็นวัสดุยอดนิยมที่ถูกนำมาใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งและจัดจำหน่ายสินค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า กระดาษลูกฟูกมีหลายประเภทและแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป
ในบทความนี้ เราจะพาคุณทำความรู้จักกับโครงสร้างของกระดาษลูกฟูก เรียนรู้ความแตกต่างของลอนแต่ละประเภท พร้อมแนะนำการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสินค้าของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของธุรกิจ นักการตลาด หรือผู้ที่สนใจเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้กระดาษลูกฟูกได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพ
ลอนกระดาษลูกฟูก คืออะไร?
ลอนกระดาษลูกฟูก ภาษาอังกฤษเรียกว่า Corrugated Flute เป็นส่วนที่เป็นคลื่นๆ อยู่ตรงกลางของแผ่นกระดาษลูกฟูก นั่นเองครับ ถ้าคุณเคยลองแงะกล่องกระดาษออกมาดู จะเห็นว่ามีแผ่นกระดาษที่เป็นลอนคลื่นคั่นอยู่ระหว่างกระดาษแผ่นเรียบด้านหน้าและด้านหลัง
ลอนกระดาษนี้ไม่ได้มีไว้เฉยๆ แต่มันทำหน้าที่สำคัญมากคือ ช่วยดูดซับแรงกระแทก เพิ่มความแข็งแรงให้กล่อง และทำให้กล่องรับน้ำหนักได้ดีขึ้น
ลักษณะสีกระดาษลูกฟูก
โดยทั่วไปกระดาษลูกฟูก จะมีหลายเฉดสีให้เลือกใช้งาน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของกล่อง และภาพลักษณ์ที่ต้องการสื่อสาร โดยสีกระดาษที่ใช้ทำแผ่น Liner (กระดาษแผ่นเรียบ) มีดังนี้
- สีน้ำตาลธรรมชาติ (Brown Kraft)
- สีเหลืองทอง (KA Kraft)
- สีขาว (KS Kraft)
- สีน้ำตาลอ่อน (KI Kraft)
- สีน้ำตาลจากเยื่อรีไซเคิล (KT Kraft)
กระดาษลูกฟูก คุณสมบัติเด่นที่ควรเลือกใช้
- แข็งแรงและทนทาน: มีโครงสร้างแบบหลายชั้น (Liner + ลอนลูกฟูก) ที่ช่วยเสริมแรงรับน้ำหนัก และทนต่อแรงกระแทกจากภายนอกได้ดีเยี่ยม
- รองรับแรงกระแทกได้ดี: ลอนลูกฟูกที่อยู่ตรงกลางทำหน้าที่เหมือนเบาะกันกระแทก ช่วยป้องกันความเสียหายจากการขนส่งหรือการตกหล่น
- น้ำหนักเบา แต่รับน้ำหนักได้มาก: ทำให้ประหยัดค่าส่ง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการปกป้องสินค้าได้ดี
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: กระดาษลูกฟูกส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ช่วยลดขยะและสนับสนุนความยั่งยืน
โครงสร้าง และองค์ประกอบของกระดาษลูกฟูก
กระดาษลูกฟูกมีโครงสร้างเป็นชั้นๆ ประกอบด้วย กระดาษผิวเรียบ (Liner Board) และ ลอนลูกฟูก (Corrugated Medium) ที่ประกบกัน โดยแบ่งประเภทตามจำนวนชั้นและรูปแบบลอน ดังนี้
ส่วนประกอบหลักของกระดาษลูกฟูก
แผ่นกระดาษลูกฟูก ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญหลัก ได้แก่
1.กระดาษแผ่นเรียบ (Liner Board)
คือกระดาษที่มีผิวเรียบ เรียงตัวเป็นชั้นนอกของกระดาษลูกฟูก ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักในการรับแรงกระแทกและแรงกดทับ โดยจะติดอยู่กับลอนลูกฟูกทั้งด้านในและด้านนอกของกล่อง เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับกล่องกระดาษลูกฟูก
2.ลอนลูกฟูก (Corrugated Medium)
คือลักษณะของกระดาษที่ถูกขึ้นรูปให้เป็นลอนคลื่น ซึ่งอยู่ระหว่างแผ่น Liner Board ทำหน้าที่เพิ่มความยืดหยุ่นและความสามารถในการรับแรงกระแทก ช่วยป้องกันสินค้าในกล่องจากแรงกระแทกและแรงกดในระหว่างการขนส่งหรือการจัดเก็บ
โดยทั้งสองส่วนนี้เมื่อนำมาประกบและยึดติดกันด้วยกาวอุตสาหกรรม จะได้เป็นแผ่นกระดาษลูกฟูกที่มีความแข็งแรง เหมาะสำหรับการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความทนทานและรองรับน้ำหนักได้ดี
ประเภทของกระดาษลูกฟูก
กระดาษลูกฟูกมีหลากหลายประเภทที่แตกต่างกันตามโครงสร้าง ขนาดลอน และจำนวนชั้น แต่ละประเภทมีคุณสมบัติและการใช้งานที่เฉพาะตัว ดังนี้
1.การแบ่งตามจำนวนชั้น
กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น (Single Wall)
- ประกอบด้วยกระดาษปะหน้า 2 แผ่น และลอนกระดาษ 1 แผ่นอยู่ตรงกลาง
- เป็นประเภทที่พบเห็นทั่วไปมากที่สุด ใช้สำหรับสินค้าน้ำหนักเบาถึงปานกลาง
- ต้นทุนต่ำ น้ำหนักเบา และยืดหยุ่นในการใช้งาน
กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น (Double Wall)
- ประกอบด้วยกระดาษปะหน้า 3 แผ่น และลอนกระดาษ 2 แผ่นซ้อนกัน
- มีความแข็งแรงมากกว่ากระดาษลูกฟูก 3 ชั้นประมาณ 2-3 เท่า
- เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมากหรือต้องการการปกป้องสูง
กระดาษลูกฟูก 7 ชั้น (Triple Wall)
- ประกอบด้วยกระดาษปะหน้า 4 แผ่น และลอนกระดาษ 3 แผ่นซ้อนกัน
- มีความแข็งแรงสูงมาก สามารถรองรับน้ำหนักได้มาก
- ใช้สำหรับสินค้าที่หนักมาก เช่น เครื่องจักร อุปกรณ์อุตสาหกรรม หรือสินค้าที่ต้องวางซ้อนกันหลายชั้น
2.การแบ่งตามขนาดของลอน เปรียบเทียบลอนกระดาษ A, B, C, E และ BC แบบเข้าใจง่าย
ลอนกระดาษลูกฟูกมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีความหนา ขนาด และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ลอนที่นิยมใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ได้แก่ ลอน A, B, C, E และ BC (ลอนคู่) ซึ่งเราจะอธิบายรายละเอียดของแต่ละประเภทดังนี้
ลอน A: ความหนา และคุณสมบัติ
ลอน A เป็นลอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาลอนที่ใช้กันทั่วไป มีความสูงประมาณ 4.7-5.0 มิลลิเมตร และมีความถี่ประมาณ 33-39 ลอนต่อความยาว 30 เซนติเมตร คุณสมบัติเด่นของลอน A ได้แก่
- การกันกระแทกดีเยี่ยม: ด้วยความสูงของลอนที่มาก ทำให้สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับสินค้าที่เปราะบาง
- ความสามารถในการรองรับน้ำหนักตามแนวตั้ง: แม้ความสามารถในการรองรับน้ำหนักจะด้อยกว่าลอนเล็ก แต่ก็ยังเหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ต้องการการซ้อนทับมาก
- ความแข็งแรงตามแนวลอน: มีความแข็งแรงตามแนวลอนที่ดี เหมาะสำหรับการปกป้องด้านข้างของสินค้า
กระดาษลูกฟูกลอน A เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการการปกป้องจากแรงกระแทกสูง เช่น เครื่องแก้ว เซรามิก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เปราะบาง หรือสินค้าที่มีมูลค่าสูงที่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษ
ลอน B: ความมีสมดุล ความแข็งแรง และงานพิมพ์
ลอน B มีขนาดเล็กกว่าลอน A โดยมีความสูงประมาณ 2.5-3.0 มิลลิเมตร และมีความถี่ประมาณ 47-53 ลอนต่อความยาว 30 เซนติเมตร คุณสมบัติของลอน B ได้แก่
- ความสมดุลที่ดี: มีความสมดุลระหว่างความสามารถในการกันกระแทกและความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนัก
- ความแข็งแรงในการซ้อนทับ: ด้วยลอนที่ถี่กว่า ทำให้มีความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนักที่ดีกว่าลอน A
- พื้นผิวที่เรียบกว่า: เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความละเอียดปานกลาง
- ความประหยัด: ใช้วัสดุน้อยกว่าลอน A ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำกว่า
กระดาษลูกฟูกลอน B เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความสมดุลระหว่างการปกป้องและต้นทุน เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป กล่องของขวัญ หรือกล่องจัดส่งทั่วไปที่ไม่บรรจุสินค้าเปราะบางมาก
ลอน C: ทางเลือกยอดนิยม
ลอน C มีขนาดอยู่ระหว่างลอน A และ B โดยมีความสูงประมาณ 3.5-4.0 มิลลิเมตร และมีความถี่ประมาณ 39-45 ลอนต่อความยาว 30 เซนติเมตร ลอน C เป็นลอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เนื่องจาก
- ความสมดุลดีเยี่ยม: ผสมผสานข้อดีของทั้งลอน A และ B ได้อย่างลงตัว
- ความแข็งแรงปานกลาง: มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักและทนแรงกระแทกที่เหมาะสมกับสินค้าทั่วไป
- ความประหยัด: ให้ความแข็งแรงที่ดีในขณะที่ใช้วัสดุในปริมาณที่เหมาะสม
- ความเหมาะสมกับการผลิต: กระบวนการผลิตและแปรรูปทำได้ง่าย
กระดาษลูกฟูกลอน C เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์ทั่วไป โดยเฉพาะกล่องขนส่งสินค้าในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เหมาะกับสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่ของใช้ในบ้าน อาหารแห้ง เสื้อผ้า ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่เปราะบางมากนัก
ลอน E: ประสิทธิภาพสูง สำหรับงานพิมพ์คุณภาพ
ลอน E เป็นลอนขนาดเล็กที่สุดในบรรดาลอนที่เราพูดถึง มีความสูงเพียง 1.1-1.8 มิลลิเมตร และมีความถี่หนาแน่นประมาณ 90-96 ลอนต่อความยาว 30 เซนติเมตร คุณสมบัติของลอน E ได้แก่
- พื้นผิวที่เรียบมาก: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานพิมพ์คุณภาพสูง
- มีความแข็งแรงในการซ้อนทับ: ด้วยลอนที่ถี่มาก ทำให้มีความสามารถในการรองรับน้ำหนักตามแนวตั้งที่ดี
- ประหยัดพื้นที่: มีความบางทำให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและขนส่ง
- ความสามารถในการพับและขึ้นรูป: เหมาะสำหรับการพับและขึ้นรูปที่ซับซ้อน
ข้อจำกัดของลอน E คือความสามารถในการรับแรงกระแทก ที่น้อยกว่าลอนอื่นๆ เนื่องจากความสูงของลอนที่น้อย
กระดาษลูกฟูกลอน E เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความสวยงาม และงานพิมพ์คุณภาพสูง เช่น กล่องเครื่องสำอาง กล่องของขวัญระดับพรีเมียม กล่องใส่อาหาร หรือบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าที่ไม่ต้องการการปกป้องจากแรงกระแทกมากนัก
ลอน BC: ความแข็งแรงสองเท่าจากการผสมผสาน
ลอน BC เป็นการผสมผสานระหว่างลอน B และ C ในกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น (Double Wall) โดยมีกระดาษปะหน้า 3 แผ่นและกระดาษลูกฟูก 2 แผ่น ลอน B และ C จะถูกวางสลับกัน คุณสมบัติของลอน BC ได้แก่
- ความแข็งแรงสูง: การรวมกันของลอนสองประเภททำให้มีความแข็งแรงมากกว่ากระดาษลูกฟูก 3 ชั้นแบบลอนเดี่ยว
- การป้องกันการกระแทกที่ดีเยี่ยม: การมีชั้นลอนสองชั้นช่วยเพิ่มความสามารถในการดูดซับแรงกระแทก
- ความสามารถในการรองรับน้ำหนักสูง: เหมาะสำหรับกล่องที่ต้องรองรับน้ำหนักมากหรือต้องมีการซ้อนทับ
- การป้องกันการเจาะทะลุที่ดี: การมีชั้นกระดาษหลายชั้นช่วยป้องกันการเจาะทะลุได้ดี
กระดาษลูกฟูกลอน BC เหมาะสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก สินค้าที่ต้องการการปกป้องสูง หรือสินค้าที่ต้องมีการขนส่งในระยะทางไกลหรือมีการขนถ่ายหลายครั้ง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือสินค้าอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง
ตารางเปรียบเทียบน้ำหนัก ที่รับได้ของกระดาษแต่ละชนิด
การเลือกกระดาษลูกฟูกให้เหมาะกับสินค้าจำเป็นต้องเข้าใจความสามารถในการรับน้ำหนักของกระดาษแต่ละประเภท ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบความสามารถในการรับน้ำหนักของกระดาษลูกฟูกประเภทต่างๆ
ประเภทลอน | โครงสร้าง | กระดาษแกรมปานกลาง (150 g/m²) | กระดาษแกรมสูง (175-200 g/m²) |
ลอน E (3 ชั้น) | ความสูงลอน 1.1-1.8 มม. | 15-20 กก./ตร.ม. | 20-25 กก./ตร.ม. |
ลอน B (3 ชั้น) | ความสูงลอน 2.5-3.0 มม. | 20-25 กก./ตร.ม. | 25-30 กก./ตร.ม. |
ลอน C (3 ชั้น) | ความสูงลอน 3.5-4.0 มม. | 25-30 กก./ตร.ม. | 30-40 กก./ตร.ม. |
ลอน A (3 ชั้น) | ความสูงลอน 4.7-5.0 มม. | 30-35 กก./ตร.ม. | 35-45 กก./ตร.ม. |
ลอน BC (5 ชั้น) | ลอน B+C | 40-50 กก./ตร.ม. | 50-70 กก./ตร.ม. |
ลอน AB (5 ชั้น) | ลอน A+B | 45-55 กก./ตร.ม. | 55-75 กก./ตร.ม. |
หมายเหตุ: ตัวเลขดังกล่าวเป็นค่าโดยประมาณ ความสามารถในการรับน้ำหนักที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุ กระบวนการผลิต และปัจจัยอื่นๆ
กระดาษลูกฟูก ทําอะไรได้บ้าง และลอนไหนเหมาะกับสินค้าประเภทใด?
การเลือกลอนกระดาษลูกฟูกให้เหมาะกับสินค้าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สินค้าของคุณได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการเลือกลอนกระดาษลูกฟูกสำหรับสินค้าประเภทต่างๆ
สินค้าเปราะบาง
- แนะนำให้ใช้: ลอน A หรือลอน BC
- ตัวอย่างสินค้า: แก้วคริสตัล เครื่องแก้ว เซรามิก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดสูง กล้องถ่ายรูป แท็บเลต
- เหตุผล: ลอน A มีความสูงมากทำให้สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ในขณะที่ลอน BC มีชั้นป้องกันหลายชั้นที่ช่วยปกป้องสินค้าที่มีมูลค่าสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
- แนะนำให้ใช้: ลอน C
- ตัวอย่างสินค้า: เสื้อผ้า รองเท้า อาหารแห้ง ของใช้ในบ้าน หนังสือ
- เหตุผล: ลอน C มีความสมดุลที่ดีระหว่างความแข็งแรงและความสามารถในการดูดซับแรงกระแทก เหมาะกับสินค้าที่ไม่ต้องการการปกป้องเป็นพิเศษมาก
สินค้าที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง
- แนะนำให้ใช้: ลอน E หรือลอน B
- ตัวอย่างสินค้า: เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม กล่องของขวัญ ผลิตภัณฑ์อาหารพรีเมียม
- เหตุผล: ลอน E มีพื้นผิวที่เรียบมากเหมาะกับงานพิมพ์ละเอียด ส่วนลอน B ก็ให้พื้นผิวที่เรียบพอสมควรในขณะที่ยังคงความแข็งแรงที่ดี
สินค้าน้ำหนักเบาที่ต้องการบรรจุภัณฑ์ประหยัดพื้นที่
- แนะนำให้ใช้: ลอน E หรือลอน B
- ตัวอย่างสินค้า: ผลิตภัณฑ์กระดาษ แคตตาล็อก นามบัตร โปสการ์ด
- เหตุผล: ลอนขนาดเล็กช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บและขนส่ง เหมาะสำหรับสินค้าที่ไม่ต้องการการปกป้องจากแรงกระแทกมาก
สินค้าน้ำหนักมากหรือต้องมีการซ้อนทับ
- แนะนำให้ใช้: ลอน BC หรือลอน C
- ตัวอย่างสินค้า: เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรขนาดเล็ก
- เหตุผล: ลอน BC มีความแข็งแรงสูงเหมาะกับการรองรับน้ำหนักมาก ส่วนลอน C ก็มีความแข็งแรงที่ดีในกรณีที่ไม่ต้องการความแข็งแรงสูงมาก
สินค้าที่ต้องการการขนส่งระยะไกล
- แนะนำให้ใช้: ลอน BC หรือลอน A
- ตัวอย่างสินค้า: สินค้าส่งออก สินค้าที่ต้องขนส่งระหว่างประเทศ
- เหตุผล: การขนส่งระยะไกลหรือการขนถ่ายหลายครั้งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหาย ลอน BC มีความแข็งแรงและชั้นป้องกันหลายชั้น ในขณะที่ลอน A มีความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกที่ดีเยี่ยม
ปัจจัยอื่นๆ ที่ควรพิจารณา
- น้ำหนักของสินค้า: สินค้าที่มีน้ำหนักมากต้องการลอนที่แข็งแรงกว่า
- ความแข็งแรงของสินค้า: สินค้าที่เปราะบางต้องการลอนที่มีความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกที่ดี
- ระยะทางและวิธีการขนส่ง: การขนส่งระยะไกลหรือมีการขนถ่ายหลายครั้งต้องการบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงกว่า
- ต้นทุนและงบประมาณ: ลอนขนาดใหญ่หรือลอนคู่มีต้นทุนสูงกว่าลอนขนาดเล็กหรือลอนเดี่ยว
- ความต้องการด้านการพิมพ์: หากต้องการพิมพ์ลวดลายที่มีรายละเอียดสูง ควรเลือกลอนที่ให้พื้นผิวเรียบ
สาระน่ารู้ เกรดกระดาษคราฟท์ที่ใช้ในการผลิตแผ่นกระดาษลูกฟูก
กระดาษคราฟท์ที่ใช้ทำกล่องลูกฟูกมีหลากหลายชนิด โดยแต่ละเกรดจะมีคุณสมบัติ สีสัน ความแข็งแรง และวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
1.KS (Kraft White Top Liner) กระดาษคราฟท์สีขาว
- คุณสมบัติเด่น: ผิวเรียบ สะอาด เหมาะสำหรับกล่องที่ต้องการความสวยงามและการพิมพ์สีที่คมชัด เช่น พิมพ์โลโก้หรือภาพสินค้า
- การใช้งาน: นิยมใช้กับกล่องเครื่องใช้ไฟฟ้า กล่องสินค้าส่งออก หรือสินค้าที่ต้องการภาพลักษณ์ระดับพรีเมียม
- น้ำหนักมาตรฐาน: 170 กรัม/ตร.ม.
2.KA (Kraft Yellow Top Liner) กระดาษคราฟท์สีเหลืองทอง
- คุณสมบัติเด่น: มีความแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักและแรงกระแทกได้ดี
- การใช้งาน: เหมาะสำหรับกล่องอะไหล่ยนต์ อาหารกระป๋อง หรือกล่องเฟอร์นิเจอร์
- น้ำหนักมาตรฐาน: 125, 150, 185, 230 กรัม/ตร.ม.
3.KI (Kraft Light Brown Liner) – กระดาษคราฟท์สีน้ำตาลอ่อน
- คุณสมบัติเด่น: สีอ่อนสบายตา ให้คุณภาพการพิมพ์ภาพหรือตัวอักษรที่ดี รองจาก KS
- การใช้งาน: ใช้สำหรับกล่องอาหารสำเร็จรูป กล่องเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือสินค้าเบา
- น้ำหนักมาตรฐาน: 125, 150, 185 กรัม/ตร.ม.
4.KH (Kraft Standard Brown Liner) – กระดาษคราฟท์สีน้ำตาลมาตรฐาน
- คุณสมบัติเด่น: สีโทนน้ำตาลที่ใกล้เคียงกับมาตรฐานสากล นิยมในตลาดส่งออก
- การใช้งาน: เหมาะกับกล่องสินค้าส่งออกทุกชนิด
- น้ำหนักมาตรฐาน: 150, 175, 200, 250 กรัม/ตร.ม.
5.KT (Kraft Recycled Liner) – กระดาษคราฟท์รีไซเคิล
- คุณสมบัติเด่น: ผลิตจากเยื่อกระดาษรีไซเคิล 100% เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป
- การใช้งาน: เหมาะกับสินค้าส่งออกที่ต้องการระบุใช้วัสดุ Recycled
- น้ำหนักมาตรฐาน: 125, 150, 175 กรัม/ตร.ม.
6.CA (Corrugating Medium Paper) – กระดาษสำหรับทำลอนลูกฟูก
- คุณสมบัติเด่น: เหมาะสำหรับทำลอนลูกฟูก (ลอน B, C, E ฯลฯ) มีความยืดหยุ่น และแข็งแรงพอในการรับแรงกระแทก
- การใช้งาน: ใช้ทำชั้นลอนลูกฟูก หรือใช้เป็นแผ่นหลังกล่องเพื่อประหยัดต้นทุน
- น้ำหนักมาตรฐาน: 105, 125 กรัม/ตร.ม.
การเลือกใช้กระดาษคราฟท์ (Kraft Liner Board) ที่เหมาะสมกับงานบรรจุภัณฑ์ควรพิจารณาจากคุณสมบัติด้านแรงกด แรงดันทะลุ และค่าความชื้น ซึ่งส่งผลต่อความแข็งแรงของกล่องลูกฟูกโดยตรง
ตารางด้านล่างแสดง สเปคของกระดาษคราฟท์แต่ละเกรด ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมกล่องลูกฟูก
เกรดกระดาษ | น้ำหนัก (g/m² ±4%) | แรงกดวงแหวน (Ring Crush) (N/152.4 mm) | แรงดันทะลุ (Burst) (KPa) | ความชื้น (%) |
KA125 | 125 | 160–170 | 390–400 | 6–9 |
KA150 | 150 | 210–220 | 460–490 | 6–9 |
KA185 | 185 | 280–300 | 520–560 | 6–9 |
KA230 | 230 | 380–410 | 640–680 | 6–9 |
KI125 | 125 | 125–155 | 300–350 | 6–9 |
KI150 | 150 | 170–200 | 370–440 | 6–9 |
KI185 | 185 | 230–260 | 460–540 | 6–9 |
KP175 | 175 | 210 | 410 | 6–9 |
KP275 | 275 | 345 | 600 | 6–9 |
KT125 | 125 | 140 | 275 | 6–9 |
KT150 | 150 | 190 | 350 | 6–9 |
TA125 | 125 | 150–155 | 275–320 | 6–9 |
TA150 | 150 | 200–215 | 350–375 | 6–9 |
สรุป
การเลือกลอนกระดาษลูกฟูกที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยปกป้องสินค้า แต่ยังส่งผลต่อต้นทุน ภาพลักษณ์ และความยั่งยืนของธุรกิจ ธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้มากกว่า
อ่ายบทความเพิ่มเติม: กล่องลูกฟูก คืออะไร? ใช้ประโยชน์อย่างไรได้บ้าง
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: กระดาษลูกฟูกลอน E มีขนาดเล็กกว่าลอน B โดยลอน E มีความสูงประมาณ 1.1-1.8 มิลลิเมตร ในขณะที่ลอน B มีความสูงประมาณ 2.5-3.0 มิลลิเมตร ลอน E เหมาะกับงานพิมพ์คุณภาพสูงเนื่องจากให้พื้นผิวที่เรียบมาก ในขณะที่ลอน B มีความแข็งแรงและการปกป้องที่ดีกว่า เหมาะกับสินค้าทั่วไปที่ต้องการความสมดุลระหว่างการปกป้องและต้นทุน
ตอบ: กระดาษลูกฟูกมีลอนหลักๆ ได้แก่ ลอน A, B, C, E และ F ซึ่งแต่ละลอนมีความสูง ความถี่ของลอน และคุณสมบัติในการรองรับแรงแตกต่างกัน เช่น
ลอน A – ลอนสูง ให้ความยืดหยุ่นดี เหมาะกับสินค้าที่ต้องการกันกระแทก
ลอน B – ลอนเตี้ย แข็งแรง ทนต่อแรงกด เหมาะกับการเรียงซ้อน
ลอน C – สมดุลทั้งความยืดหยุ่นและความแข็งแรง ใช้ได้อเนกประสงค์
ลอน E – ลอนละเอียด เหมาะกับกล่องขนาดเล็กหรือสินค้าพิมพ์กราฟิกสวย
ลอน F – ลอนบางที่สุด ให้ผิวเรียบพิเศษ ใช้กับบรรจุภัณฑ์ระดับพรีเมียม
ตอบ: ชั้นวางสินค้ากระดาษลูกฟูกควรเลือกลอนที่มีความแข็งแรงสูง เช่น ลอน BC หรือลอน AB เนื่องจากต้องรองรับน้ำหนักของสินค้าเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ควรเลือกกระดาษแกรมสูง (175-200 g/m² ขึ้นไป) เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และอาจพิจารณาใช้กระดาษลูกฟูก 5 ชั้นหรือ 7 ชั้นสำหรับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก