ไม่ติดฉลากสินค้าผิดกฎหมายอย่างไร
ในช่วงนี้ ข่าวเกี่ยวกับการซื้อสินค้าต่างๆ แม่ค้าพ่อค้าส่วนใหญ่ก็มักจะไม่ค่อยติดฉลากสินค้ากันสักเท่าไร ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนในการเลือกซื้อจนนำไปสู่ความเสียหายของการใช้งาน ทำให้เกิดการโต้เถียงกันเพราะสินค้าดังกล่าวไม่มีฉลากสินค้าติดอยู่ ส่วนใหญ่มักจะไม่ทราบว่ามีกฎหมายกำหนดให้สินค้าบางประเภทจะต้องเป็นสินค้าที่มีการควบคุมฉลากโดยสินค้าที่ควบคุมก็จะต้องมีการปิดฉลากและระบุรายละเอียดต่างๆ ลงในฉลากให้ได้ครบท้วนด้วย ถ้าหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามจะทำให้เกิดมีความผิด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522
การติดฉลากสินค้าลงบนบรรจุภัณฑ์
จะเป็นการที่ทำให้ผู้บริโภคจะได้รับทราบข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือสินค้าต่างๆ เพื่อที่จะได้ช่วยในการตัดสินใจและเลือกซื้อสินค้า รวมไปถึงในการเปรียบเทียบสรรพคุณหรือรายละเอียดต่างๆ จากสินค้าแบรนด์อื่น ที่เป็นสินค้าชนิดเดียวกัน โดยทั้งนี้ทั้งนั้นในการติดลากสินค้าก็ควรที่จะต้องมีรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน อย่าลืมนะครับว่ามีกฎหมายคุ้มครองผุ้บริโภคเป็นหลัก โดยผู้บริโภคที่ได้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าจะต้องได้รับข้อมูลที่เป็นความจริง และจะต้องเป็นข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างมาก การที่ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ดีและตอบโจทย์ได้ หรือได้รับข้อมูลที่จำเป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของสินค้า มันก็จะเป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ สำหรับลักษณะของฉลากสินค้าที่ดีก็จะต้องมีการบ่งบอกถึงรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนด้วยตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ในเรื่องของ ลักษณะของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พ.ศ.2541
รายละเอียดที่ควรมีในฉลาก
1. ชื่อประเภทของสินค้า
จะต้องมีการบ่งบอกใส่ลงไปในฉลากสินค้าของเราด้วยนะครับว่าสินค้าที่เรานำมาจำหน่ายมันเป็นสินค้าอะไร แล้วมันเป็นลักษณะอย่างไร โดยสินค้าที่เราวางจำหน่ายอยู่เป็นสินค้าที่ผลิตมาจากประเทศไหน เราก็ควรที่จะต้องระบุใส่ไปให้ครบถ้วนด้วย
2.ชื่อหรือเครื่องหมายทางการค้าที่จดทะเบียน
สิ่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญเป็นอย่างมากเลย เพราะเราก็จะต้องบอกเครื่องหมายการค้าให้ผู้บริโภคได้ทราบด้วยว่าสินค้าของเราชื่อแบรนด์อะไร มีโลโก้เป็นแบบไหน และจะต้องจดทะเบียนในประเทศไทยของผู้ผลิตเพื่อขายในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องด้วย
3.ชื่อหรือเครื่องหมายทางการค้า
ที่จะทะเบียนในประเทศไทยของผู้ที่ได้นำเข้าสินค้าต่างๆ เข้ามาขายในประเทศไทยนั้นก็จะต้องมีบริษัทที่นำเข้ามาด้วย ซึ่งเราลองสังเกตที่เป็นสินค้านำเข้ามาจากต่างประเทศกันดูนะครับว่าจะมีฉลากที่แปะอยู่ไว้ข้างหลังที่จะเป็นชื่อบริษัทที่นำเข้ามานั้น เราก็สามารถที่จะตรวจเช็คและตรวจสอบกันได้เลย เช่น ถ้าหากเรานำขนมเข้ามาจำหน่ายนั้นเราก็จะต้องมีชื่อบริษัทที่เป็นผู้นำเข้าติดไว้ด้วยเพื่อที่จะได้สามารถตรวจเช็คแหล่งที่มาที่ไปได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ
4. ข้อมูลสถานที่ตั้งของสถานที่ผลิต หรือ ผู้ที่ได้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามา
การบอกสถานที่ผลิตก็จะเป็นสิ่งที่สำคัญอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าหากเราเลือกซื้อสินค้าอยู่ แล้วถ้าหากไม่มีการบอกที่มาที่บอกสถานที่ผลิตก็อาจจะส่งผลทำให้สินค้าของเราดูไม่มีความน่าเชื่อถือก็ได้เหมือนกัน ทำให้ลูกค้าอาจจะไม่เลือกซื้อสินค้าของเราก็ได้
5. สินค้าจะต้องมีการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของสินค้า หรือ น้ำหนักของสินค้า
ซึ่งหน่วยที่เราจะเลือกใช้จะเป็นหน่วยก็ได้ ขอแค่มีการบ่งบอกว่าสินค้าชนิดนี้มีน้ำหนักหรือมีปริมาณขนาดเท่าไหน
6. ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการใช้งานผลิตภัณฑ์
สิ่งเดียวที่จะทำให้ผู้บริโภคสามารถที่จะเข้าใจได้นั้นก็คือการบอกวิธีการใช้งานหรือขั้นตอนในการใช้งาน เราก็จะต้องมีการบอกด้วยนะครับว่าสินค้าชนิดนี้มีวิธีการใช้งานอย่างไร แล้ว จะต้องเริ่มจากอะไรก่อน เช่น วิธีการเก็บรักษาไม้กวาด วิธีการดูแลรักษาเครื่องไมโครเวฟ หรือ การใช้งานไมโครเวฟเป็นต้น
7. ข้อแนะนำหรือข้อห้าม
โดยเพื่อประโยชน์สูงสุดของการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องไม่ว่าจะเป็นของกินหรือของใช้อะไรก็ตามแต่นั้น เราก็จะต้องบอกวิธีการต่างๆ ด้วยว่าข้อแนะนำสำหรับสินค้าชนิดนี้ควรจะเป็นอย่างไร เพื่อที่ผู้บริโภคนั้นก็จะได้รับทราบประโยชน์ได้อย่างชัดเจนและถี่ถ้วนด้วย
8. คำเตือนของสินค้า
ถ้าหากสินค้าของเรามีคำเตือนต่างๆ เราก็ควรที่จะต้องระบุให้ชัดเจนด้วยนะครับ เพื่อที่ความปลอดภัยของผู้บริโภคนั้นจะได้กลับมาเป็นหลักอีกครั้ง
9. วันเดือนปีที่ผลิต หรือ วันเดือนปีที่หมดอายุ
สิ่งนี้ผมเชื่อว่าหลายๆ คนก็มักจะหยิบขึ้นมาดูกันอย่างแน่นอน โดยวันที่ผลิตและหมดอายุนั้น ก็จะเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากเลยนะครับ เพราะถ้าหากเราไม่บอกระยะเวลาในการเก็บรักษานั้นก็อาจจะทำให้สินค้าของเราเกิดความเสียหายแบบที่เราไม่คาดคิดมาก็ได้เหมือนกัน
10. ราคา
เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากเลยนะครับ ตามกฎหมายแล้วในส่วนของการระบุราคาก็ไม่ได้มีเกณฑ์อะไรมาก เราสามารถที่จะบอกหรือระบุเป็นสกุลเงินอื่นก็ได้เหมือนกัน ฉะนั้น ถ้าเราจะบอกในส่วนของราคาขอแนะนำให้บอกเป็นสกุลเงินไทยจะดีกว่า เพราะผู้บริโภคนั้นจะได้รับความสะดวกสบายในการเลือกซื้อมา
การที่ผู้จำหน่ายหรือผู้ผลิตสินค้า
ถ้าหากไม่มีการควบคุมฉลากสินค้าต่างๆ หรือ ไม่มีการบ่งบอกที่มาที่ไปของสินค้าไม่ว่าจะเป็นผลิตในประเทศไทยหรือผลิตจากต่างประเทศ ควรที่จะต้องมีฉลากให้ถูกต้องด้วย ถ้าหากไม่มีก็จะมีความผิดอาจจะต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนขึ้นไปหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าเราคิดจะขายสินค้า เราก็ควรที่จะต้องบอกผู้บริโภคและลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าของเราให้ชัดเจนด้วย หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า ถ้าหากไม่ติดฉลากสินค้า จะมีอะไรคุ้มครองผู้บริโภคบ้างไหม ?
ในความเป็นจริงแล้ว กฎหมายคุมครองผู้บริโภคก็มีอยู่เหมือนกัน โดยอันนี้ก็จะเป็นในส่วนของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ในมาตราที่ 52
ถ้าหากผู้ที่ขายสินค้าไม่มีการติดฉลากสินค้า หรือ มีการแสดงฉลากสินค้าได้ไม่ถูกต้อง หรือ ขายสินค้าที่นำฉลากเก่าที่โดนยกเลิกหรือห้ามนำมาใช้แล้วกลับมาใช้งาน
จะผิดกฎหมายอย่างแน่นอน โดยจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนด้วยกัน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาท) หรือทั้งจำและปรับ ถ้าหากเราคิดที่จะเปิดแบรนด์สินค้า เราก็ควรที่จะต้องมีการติดฉลากสินค้าให้ชัดเจนด้วย เพื่อที่ลูกค้านั้นจะได้ทราบวิธีการใช้งาน คำแนะนำต่างๆ รวมไปถึงแหล่งที่มาหรือแหล่งผลิตสินค้าได้อย่างชัดเจนถ้าหากเรามีการนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาติดและอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจรับรองเลยว่าสินค้าของเราก็จะเป็นสินค้าที่ดีได้มาตรฐาน ทำให้ผู้คนต่างๆ นั้นก็ไว้วางใจเลือกซื้อสินค้าของเราได้เช่นกัน ทั้งนี้ ก็อยากจะฝากพ่อค้าแม่ค้ากันทุกคนนั้นว่าควรที่จะต้องติดฉลากสินค้าต่าง ๆ ให้ครบถ้วนด้วย เพื่อที่ลูกค้านั้นจะได้ไม่ต้องมานั่งหาข้อมูลต่างๆ การที่เราจะเป็นผู้ขายสินค้าที่ดีนั้น เราก็ควรที่จะต้องมีการนำเสนอข้อมูลต่างๆ อย่างดีและครบถ้วนด้วยไม่ควรที่จะนำเสนอข้อมูลหรืออ้างสรรพคุณที่เกินความเป็นจริง เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไรเลย มันอาจจะส่งผลเสียทำให้แบรนด์สินค้าของเราเกิดความเสียหายได้อีกด้วย ไม่ว่าจะนำเสนอด้วยวิธีไหน จะโฆษณาแบบไหน ประชาสัมพันธ์แบบไหนก็ตามนั้น สิ่งเดียวก็คือการนำเสนอข้อมูลที่เป็นความจริง รับรองเลยว่าสินค้าของเราก็จะได้กลายเป็นแบรนด์ที่หลายๆ คนรู้จักและมีฉลากสินค้าที่ไม่หลอกลวงผู้บริโภคได้อีกด้วยเช่นกัน
ข้อเสียของการไม่ติดฉลากสินค้า
ถ้าหากสินค้าของเราไม่มีการติดฉลากสินค้าอะไรเลย ไม่มีการบ่งบอกข้อมูลที่เป็นสิ่งสำคัญกับลูกค้า นอกจากจะผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง บางทีก็อาจจะทำให้ลูกค้าเกิดความไม่ไว้วางใจในสินค้าของเราก็ได้เช่นกัน และมันก็อาจจะนำไปสู่ในการขายสินค้าไม่ได้อีกด้วย เอาเป็นว่าในทางที่ดี เราก็ควรที่จะต้องศึกษาและจัดหาฉลากสินค้ามาแปะอย่างเร่งด่วนเพื่อที่จะไม่ให้สินค้าเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้เช่นกัน
การเลือกฉลากมาติดลงบนบรรจุภัณฑ์หรือสินค้า
เราควรที่จะต้องมีการออกแบบฉลากสินค้าให้สามารถตอบโจทย์กับยุคสมัย เพราะถ้าหากเราไม่มีการออกแบบให้มันโดดเด่นหรือเป็นที่น่าจดจำที่ดีได้นั้น มันก็อาจจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนหรือไม่เข้าใจในสินค้าของเรา อาจจะทำให้ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด จนนำไปสู่ผลเสียของธุรกิจได้ ถึงแม้ว่ากฎหมายในประเทศไทยจะไม่ค่อยแรงเหมือนต่างประเทศสักเท่าไร แต่ถ้าเราทำตามกฎหมาย และมีการปฎิบัติที่ถูกต้องตามหลักและขั้นตอนต่างๆ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นสินค้าที่มีการติดฉลากและบอกสรรพคุณต่างๆ ได้เป็นอย่างดีนั้นก็จะไม่จากไปไหนอย่างแน่นอน สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับฉลากสินค้าระบุไม่ชัดเจนหรือไม่มีฉลากสินค้าบ่งบอกนั้น เราก็สามารถที่จะติดต่อและประสานงานหรือจะแจ้งสายด่วนผู้บริโภคก็ได้เช่นกัน เดี๋ยวทางเจ้าหน้าที่นั้นก็จะได้ตรวจสอบและตรวจเช็คว่าสินค้าที่เรากำลังจะเลือกซื้ออยู่นั้นมันมีคุณภาพตามที่เราคาดหวังหรือต้องการไว้ได้หรือไม่ ถ้าหากมันไม่โอเค เราก็อาจจะปฎิเสธ แล้วไปเลือกซื้อสินค้าแบรนด์อื่นที่มีเครื่องหมายการันตีกันอย่างครบถ้วนจะดีกว่า และที่สำคัญมันทำให้เรานั้นได้สิ่งของที่ดีกลับมาใช้งานได้อีกด้วย
สรุป
การที่เรามีฉลากสินค้าที่ดีติดอยู่บนสินค้าของเรา เป็นสิ่งที่หลายๆ คนอยากจะได้กันการบอกรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน มันก็จะเป็นสิ่งที่ดีที่จะทำให้สินค้าของเราสามารถเป็นที่รู้จักได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ยิ่งเป็นสินค้าที่ไม่ได้โฆษณาเกินความเป็นจริงรับรองเลยว่ามันไม่ส่งผลให้เกิดความเสียหาย
โรงพิมพ์ Fastboxs รับผลิตสติ๊กเกอร์ หลายชนิด
Facebook : Fastboxs.com โรงพิมพ์กล่องสบู่ กล่องครีม
Tel : 061-364-6669 / 062-491-5441
ตัวอย่างผลงานสติ๊กเกอร์ คลิ๊ก >> http://bit.ly/2TMbNWL