คุณคงเคยพบกับสถานการณ์ที่ต้องการส่งของหรือจัดเก็บของแต่ไม่รู้จะใช้กล่องบรรจุภัณฑ์อย่างไรให้เหมาะสม หรือคุณอาจต้องการสร้างกล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อใช้ในการขายสินค้าของคุณ วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์ง่ายๆ ให้ตรงใจในบทความนี้
วิธีสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์แบบง่ายๆ

การสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์ ไม่ใช่เรื่องยากเลย และคุณไม่จำเป็นต้องมีความชำนาญในการออกแบบกล่องบรรจุภัณฑ์ ด้วยคำแนะนำเหล่านี้ คุณจะสามารถสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์ได้ง่ายๆ และเหมาะสมกับความต้องการของคุณได้ ดังนี้
1.กำหนดขนาดและรูปร่างของกล่องบรรจุภัณฑ์
การกำหนดขนาดและรูปร่างของกล่องบรรจุภัณฑ์เป็นขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดในกระบวนการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์ คุณควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าคุณต้องการกล่องที่มีขนาดเท่าไร และมีรูปร่างอย่างไร เพื่อให้เหมาะสมกับสินค้าหรือวัตถุที่คุณต้องการบรรจุ เช่น
- ขนาดของกล่อง: ควรคำนึงถึงขนาดของสินค้าที่จะบรรจุ ตัวอย่างเช่น หากสินค้ามีขนาดใหญ่ กล่องที่ใช้ก็ควรมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย เพื่อให้สามารถบรรจุสินค้าได้โดยไม่ทำให้สินค้าเสียหาย
- รูปร่างของกล่อง: ควรเลือกรูปร่างที่เหมาะสมกับสินค้า ตัวอย่างเช่น หากสินค้ามีรูปทรงพิเศษหรือเปราะบาง กล่องควรมีรูปทรงที่สามารถรองรับและป้องกันสินค้าเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม
2.เลือกวัสดุที่เหมาะสม
วัสดุที่คุณเลือกใช้ในการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญ เนื่องจากจะมีผลต่อความคงทนและการปกป้องสินค้าภายในกล่อง
วัสดุที่เหมาะสำหรับทำกล่องบรรจุภัณฑ์ เช่น
กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Card Paper)
คุณสมบัติ
- ความหนา: กระดาษอาร์ตการ์ดมีความหนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป โดยทั่วไปนิยมใช้ที่ 300-400 แกรมสำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้มีความแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้ดี
- ผิวเรียบและมันเงา: กระดาษอาร์ตการ์ดมีผิวเรียบและมันเงา ซึ่งช่วยให้การพิมพ์สีและโลโก้มีความสวยงาม คมชัด และสดใส
- ความทนทาน: มีความทนทานต่อการพับและหัก ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการคุณภาพสูง
การใช้งาน
- กระดาษอาร์ตการ์ดมักถูกนำไปใช้ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าหลายประเภท เช่น กล่องเครื่องสำอาง กล่องสบู่ และกล่องขนม เนื่องจากสามารถออกแบบให้มีลวดลายและสีสันที่สวยงามได้
กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)
คุณสมบัติ
- ความแข็งแรง: กระดาษคราฟท์มีความแข็งแรงสูง เนื่องจากผลิตจากเยื่อไม้ธรรมชาติ ทำให้สามารถรับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความทนทาน
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: กระดาษคราฟท์เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ง่ายและไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ผลิตที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
การใช้งาน
- นิยมใช้ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าทั่วไป เช่น กล่องอาหาร กล่องของขวัญ และกล่องสินค้าทางการเกษตร
กระดาษกล่องแป้ง (Boxboard)
คุณสมบัติ
- น้ำหนักเบา: กระดาษกล่องแป้งมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแรง ทำให้เหมาะสำหรับผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการลดน้ำหนักโดยรวมของสินค้า
- พื้นผิวเรียบ: มีพื้นผิวเรียบซึ่งเหมาะสำหรับการพิมพ์ ทำให้สามารถสร้างสรรค์ลวดลายและข้อความที่ชัดเจนบนกล่องได้
การใช้งาน
- ใช้ในการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าหลากหลายประเภท เช่น กล่องอาหารสำเร็จรูป กล่องเครื่องสำอาง และกล่องของเล่นเด็ก
3.กำหนดการออกแบบ
หากคุณมีโลโก้หรือต้องการพิมพ์ข้อความบนกล่อง คุณควรกำหนดการออกแบบให้ชัดเจน คุณสามารถใช้โปรแกรมออกแบบกราฟิก เช่น Adobe Illustrator, Photoshop, หรือแม้แต่เครื่องมือออนไลน์ในการสร้างและปรับแต่งรูปแบบของกล่อง โดยสามารถเลือกสี, รูปแบบ, และขนาดของโลโก้หรือข้อความได้อย่างอิสระ แต่หากคุณไม่มั่นใจในทักษะการออกแบบของตัวเอง การจ้างนักออกแบบมืออาชีพเป็นทางเลือกที่ดี เนื่องจากพวกเขาจะมีความชำนาญและสามารถนำเสนอไอเดียที่สร้างสรรค์และเหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ
4.ติดต่อผู้ผลิต
เมื่อคุณกำหนดขนาด รูปร่าง และการออกแบบของกล่องบรรจุภัณฑ์ได้แล้ว ต่อไปคุณควรติดต่อผู้ผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ หรือติดต่อเราที่ fastboxs.com เพื่อสร้างกล่องบรรจุภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า โดยเรามีความเชี่ยวชาญในการสร้างกล่องบรรจุภัณฑ์และมีความน่าเชื่อถือ
5.ตรวจสอบคุณภาพ
เมื่อคุณได้รับกล่องบรรจุภัณฑ์ที่สั่งทำแล้ว คุณควรตรวจสอบคุณภาพกล่องให้แน่ใจว่ามีความแข็งแรงและไม่มีรอยขีดข่วนหรือรอยตำหนิ อาจจะทดสอบด้วยการเอาสิ่งของที่ต้องการบรรจุลงในกล่องและทดสอบความคงทนของกล่องให้ดีพอ ซึ่งการตรวจสอบคุณภาพกล่องอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากล่องที่สั่งทำมานั้นมีคุณภาพดีและเหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
สรุป
จากวิธีการสั่งทำกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เราได้แนะนำไป คุณสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ได้เลย อย่าลืมที่จะให้ความสำคัญกับขนาด รูปร่าง วัสดุ และการออกแบบของกล่อง เพื่อให้ได้กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ตรงใจและเหมาะสมกับความต้องการของคุณ