บรรจุภัณฑ์ สีเขียวทางเลือกใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อม
By Admin D |
08/03/2018 |
Blog
บรรจุภัณฑ์ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
บรรจุภัณฑ์ นั้นนอกจากการทำหน้าที่ปกป้องสินค้าที่อยู่ภายในแล้ว ยังเป็นสื่อกลางในการสื่อสารทางการตลาดอีกด้วย สินค้าทุกๆ ชนิดจำเป็นต้องมีบรรจุภัณฑ์ ในอดีตนั้นเป็นเพียงสิ่งที่ห่อหุ้มและปกป้องผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ทุกวันนี้กล่องบรรจุภัณฑ์ได้กลายมาเป็นช่องทางในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่สามารถให้ข้อมูลต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ได้ดี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีดีไซน์ที่สวยงาม โดดเด่น สะดุดตา ในปัจจุบันมิติใหม่แห่งการทำกล่องบรรจุภัณฑ์นั้นให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ยุคใหม่ยังต้องคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ตั้งแต่เรื่องของการเลือกใช้วัตถุดิบ
ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องของขนาด และน้ำหนัก ตลอดจนกระบวนการผลิต ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จนกระทั่งถึงกระบวนการกำจัดทิ้ง ทำลายเมื่อหมดอายุการใช้งานตามวัฏจักร
ทำไมต้องเปลียนบรรจุภัณฑ์
จะดีแค่ไหนถ้าวันนี้ผู้ประกอบธุรกิจจะหันมาใช้บรรจุภัณฑ์สีเขียว เพื่อส่งมอบความสวยที่เป็นมิตรกับโลกและสิ่งแวดล้อม ด้วยเทรนด์ใส่ใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในหลายประเทศเริ่มที่จะใส่ใจในการผลิตบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก (Green Packaging) เพื่อให้ความสำคัญกับการที่จะช่วยดูแลรักษาโลก ด้วยการลดมลภาวะต่างๆ
ทำให้บรรจุภัณฑ์ต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมนี้ด้วย ยกตัวอย่าง ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นชาติผู้นำในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย สวยงาม และให้ความสำคัญกับ Green Concept เป็นอย่างมาก
ดังนั้นบรรจุภัณฑ์สินค้าของญี่ปุ่นจึงมีการนำตัวเลขปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์นั้นๆ มาแสดงบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้า ตลอดจนเพื่อแสดงให้บุคคลภายนอกได้เห็นถึงความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมขององค์กรด้วย
บรรจุภัณฑ์ยุคใหม่ต้องตอบโจทย์สำคัญในการมีส่วนช่วยลดผลกระทบในด้านต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการสิ้นเปลืองทรัพยากร และเพื่อให้บรรจุภัณฑ์นั้นสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำหรือแปรรูปได้
ขณะเดียวกันหลายๆ ประเทศแถบยุโรป ได้แก่ ประเทศอิตาลี เดนมาร์ก นอร์เวย์ และเยอรมนี ได้มีการนำตราพระราชบัญญัติเกี่ยวกับขยะผลิตภัณฑ์มาใช้ ซึ่งตราพระราชบัญญัติดังกล่าวจะมีข้อกำหนดที่ว่าด้วยการห้ามฝังกลบ หรือกำจัดโฟมพลาสติกด้วยการเผาระบุไว้อย่างชัดเจน
อีกทั้งยังมีมาตรการและกฎหมายต่างๆ ที่ออกมาบังคับใช้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ISO 26000 ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลISO 14001 หรือความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) ซึ่งต้องยอมรับว่ามาตรการเหล่านี้ล้วนแต่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสนใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
จะเห็นได้ว่า บรรจุภัณฑ์ยุคใหม่จึงมีการออกแบบโดยลดส่วนประกอบที่เกินความจำเป็นในการประกอบบรรจุภัณฑ์ และลดปริมาณขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ ซึ่งในขณะเดียวกันก็ถือเป็นการลดปริมาณขยะไปด้วย
ดังนั้น บรรจุภัณฑ์ยุคใหม่จึงมักจะได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและใช้วัสดุน้อย เป็นการรักษา ทรัพยากรธรรมชาติและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง ขณะที่บรรจุภัณฑ์นั้นยังคงทำหน้าที่ในการปกป้องสินค้าได้เช่นเดิม
สำหรับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ ถือเป็นการยืดอายุการใช้งานบรรจุภัณฑ์ให้ยาวนานขึ้น เป็นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน ส่วนการนำกลับมาใช้ซ้ำนั้นถือเป็นวิธีการที่จะช่วยลดผลกระทบที่เกิดกับสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ การนำบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ซ้ำต้องมั่นใจได้ว่าบรรจุภัณฑ์นั้นยังมีความแข็งแรง ทนทานเพียงพอต่อการนำกลับไปใช้
ทั้งนี้ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วสามารถนำกลับมาสู่กระบวนการผลิตใหม่หรือการปรับปรุงใหม่ได้ ต้องมีระบบการจัดเก็บ รวบรวมและขนส่งที่เหมาะสมบรรจุภัณฑ์ที่ปรับปรุงใหม่ต้องมีภาพลักษณ์ที่สะดุดตามากขึ้นกว่าเดิม วิธีการนี้จะเป็นการป้องกันไม่ให้มีขยะจากบรรจุภัณฑ์ จึงเป็นการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการกำจัดหลังการใช้งานแล้ว
การนำบรรจุภัณฑ์กลับมารีไซเคิลหรือนำไปแปรรูป อาจจะต้องมีการแยกเอาสารบางตัวออกก่อนเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตใหม่ เช่น การแยกเหล็กออกจากเหล็กเคลือบดีบุก เป็นการนำวัสดุกลับไปเข้าสู่กระบวนการผลิตอีกครั้ง เช่น พลาสติก แก้ว และกระดาษ บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุชนิดเดียวมีความเหมาะสมในการนำมารีไซเคิลมากที่สุด
บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุหลายชั้นและเคลือบให้เป็นเนื้อเดียวกัน ก่อให้เกิดปัญหาในการแยกชนิดวัสดุและการย่อยสลาย เพื่อการนำกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้น บรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน จึงมักจะใช้วัสดุที่เป็นเนื้อเดียวกัน เพื่อความสะดวก ในการรีไซเคิล
ทั้งนี้ผู้ประกอบการจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์สีเขียว โดยการใช้วัสดุที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้น ถึงอย่างนั้นก็ต้องควบคุมเรื่องต้นทุนการผลิตด้วย เพราะถ้าต้นทุนเพิ่มจะเป็นการผลักภาระไปให้ผู้บริโภค
ดังนั้นราคาของสินค้าต้องอยู่ในจุดที่ยอมรับได้กันทั้งสองฝ่าย ซึ่งนอกจากเรื่องของสิ่งแวดล้อม ยังมีเรื่องเกี่ยวกับราคา และการผลิต ที่ต้องสอดคล้องไปด้วยกัน จึงจะก่อเกิดเป็นบรรจุภัณฑ์สีเขียว หรือ Green Packaging นั่นเอง
แต่ถ้าหากผู้ประกอบการบางท่านมีปัญหาเรื่องต้นทุนของวัสดุที่มีราคาแพง เราก็อาจจะใช้วิธีลดการใช้วัสดุลง การทำให้กล่องบรรจุภัณฑ์พอดีกับสินค้า ไม่ใหญ่ไป และอาจจะออกแบบให้เรียบง่าย ใช้สีที่ปราศจากสารเคมีที่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม เท่านี้ก็ถือว่า เป็นการเริ่มต้นการเป็น Green Packaging แล้ว
จากบทความข้างต้น เราสามารถสรุปได้โดยย่อว่า Green Packaging คือบรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม กำลังเป็นกระแสที่มาแรงมากในตลาดโลก หลายแบรนด์ดังยอมทุ่มทุนสร้าง ขนาดเปลี่ยนไลน์การผลิตใหม่หมด เพื่อออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพราะทรัพยากรในโลกมีจำกัดจึงจำเป็นต้องมีการรีไซเคิล นอกจากนี้ยังมีบทบาทที่สำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์เป็นที่นิยมมากขึ้น ทำให้แทนที่จะช่วยปกป้องสินค้าแต่กลับเป็นมลภาวะต่อโลก ก่อให้เกิดปัญหาขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังส่งผลให้สัตว์ล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นแนวคิดในเรื่องการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Green Packaging จึงเป็นการเลือกใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ หรืออาจจะเป็นวัสดุที่มาจากธรรมชาติก็ได้
ซึ่งการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกจะทำให้เราตระหนักถึงภาวะโลกร้อนกันมากขึ้น เพราะปัจจุบันนี้โลกของเราถูกทำลายมายาวนานจากปริมาณขยะที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติหรือใช้ระยะเวลานานในการย่อยสลาย
แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กๆอย่างการผลิตบรรจุภัณฑ์ แต่หากก็มีผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งโรงพิมพ์ของเรา Fastboxs ก็ได้สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้กล่องกระดาษคราฟท์น้ำตาล ที่ผลิตมาจากกระดาษรีไซเคิล เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ Green Packaging เพื่อปลูกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านกล่องบรรจุภัณฑ์ค่ะ