ข้อดี-ข้อเสียของ การเคลือบกล่องใส่อาหาร ที่ต้องรู้ก่อนสั่งผลิต

บริการจัดส่งอาหารและอาหารซื้อกลับบ้านเติบโตอย่างรวดเร็ว บรรจุภัณฑ์อาหารจึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาสภาพ คุณภาพ และความปลอดภัยของอาหาร เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า หนึ่งในตัวเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมคือ “กล่องกระดาษ” ซึ่งสามารถเพิ่มคุณสมบัติและประโยชน์ใช้สอยได้ด้วยการเคลือบผิว

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกข้อดีข้อเสียของการเคลือบกล่องกระดาษ รวมถึงปัจจัยสำคัญอื่น ๆ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจและลูกค้าของคุณได้อย่างลงตัว

วิธีการเคลือบกล่องกระดาษใส่อาหาร

ประเภทวัสดุสำหรับเคลือบ

• PE (Polyethylene): เป็นพลาสติกชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาเคลือบกล่องกระดาษ มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและน้ำมันได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการฉีกขาด เหมาะสำหรับอาหารที่มีความชื้นหรืออาหารที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบ
• PP (Polypropylene): เป็นพลาสติกอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในการเคลือบกล่องกระดาษ มักใช้กับอาหารแห้งหรืออาหารที่มีน้ำมันน้อย มีคุณสมบัติในการป้องกันความชื้นได้ดี แต่ไม่ทนความร้อน
• PLA (Polylactic Acid): เป็นพลาสติกที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ข้าวโพด มีคุณสมบัติในการย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่มีราคาสูงกว่าพลาสติกชนิดอื่น
• Wax Coating: เป็นการเคลือบผิวกล่องด้วยขี้ผึ้ง มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและน้ำมันได้ในระดับเบื้องต้น มักใช้กับอาหารที่ไม่ต้องการการป้องกันมากนัก

กระบวนการเคลือบ

กระบวนการเคลือบกล่องกระดาษมีหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่นิยมคือการพิมพ์และการเคลือบกันชื้นแบบ Extrusion Coating ซึ่งเป็นการนำพลาสติกหลอมเหลวมาเคลือบลงบนกระดาษ ทำให้กระดาษมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและความชื้นได้ดีขึ้น

ข้อดีของการเคลือบกล่องกระดาษใส่อาหาร

1.ป้องกันน้ำและน้ำมัน

การเคลือบกล่องกระดาษด้วยวัสดุเช่น PE (Polyethylene) ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำและน้ำมันซึมผ่านกล่อง ทำให้สามารถบรรจุอาหารที่มีความชื้นหรือมีน้ำมันได้โดยไม่ทำให้กล่องเสียรูปทรงและรักษาคุณภาพของอาหารไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.เพิ่มความแข็งแรง

การเคลือบกล่องกระดาษช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล่อง ทำให้กล่องทนทานต่อการฉีกขาดและแรงกระแทกระหว่างการขนส่งหรือจัดเก็บ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์

3.ปรับปรุงภาพลักษณ์

การเคลือบกล่องกระดาษทำให้สามารถพิมพ์สีสันและลวดลายได้ชัดเจนด้วยหมึก Food Grade ซึ่งทำให้กล่องดูน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์

4.ความปลอดภัย

วัสดุที่ใช้ในการเคลือบกล่องกระดาษมีความปลอดภัยสำหรับการสัมผัสอาหารโดยตรง ไม่มีสารเคมีอันตรายปนเปื้อน ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารที่บรรจุอยู่ในกล่องนี้

การเลือกใช้กล่องกระดาษที่มีการเคลือบจึงไม่เพียงแต่ช่วยรักษาคุณภาพของอาหาร แต่ยังส่งเสริมภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอีกด้วย

ข้อเสียของการเคลือบกล่องกระดาษใส่อาหาร

1.ต้นทุนสูงกว่า

การผลิตกล่องกระดาษเคลือบมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ากล่องกระดาษที่ไม่ได้เคลือบ เนื่องจากกระบวนการเคลือบและวัสดุที่ใช้เพิ่มต้นทุนการผลิต

2.สารเคมีที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าวัสดุที่ใช้ในการเคลือบกล่องกระดาษส่วนใหญ่จะมีความปลอดภัย แต่หากบรรจุภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีสารเคมีอันตรายตกค้างและปนเปื้อนในอาหารได้ ดังนั้นจึงควรตรวจสอบมาตรฐานการผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีการเคลือบ Food Grade จะไม่ปลอดภัยสำหรับการใช้ในธุรกิจอาหารเพราะไม่สามารถสัมผัสอาหารได้โดยตรง

3.ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

แม้ว่าวัสดุบางชนิดที่ใช้ในการเคลือบกล่องกระดาษจะสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น พลาสติกชีวภาพ แต่บางชนิดก็ยังคงต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนาน ถ้วยกระดาษเคลือบพลาสติกหรือแว็กซ์ใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะย่อยสลายหมด หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจสะสมในธรรมชาติและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การกำจัดขยะที่ไม่ถูกวิธี เช่น การเผา อาจปล่อยก๊าซพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

เทคนิคการเลือกประเภทวัสดุสำหรับการเคลือบที่เหมาะสม

เลือกตามประเภทอาหาร

• สำหรับอาหารแห้ง เช่น ข้าว ผักสด อาจเลือก PE หรือ PP เน้นความคงทนต่อน้ำหนักและความคงทนทานมากกว่าการป้องกันน้ำ/น้ำมัน
• สำหรับอาหารเปียก เช่น ซุป แกงส้ม ควรเลือก PLA หรือถุงฟิล์มพลาสติกแบบหนา เน้นการต้านทานการสัมผัสกับน้ำ/ไขมันได้ดี

พิจารณาเรื่องการใช้งานหลังการจัดส่ง

• หากจำเป็นต้องนำเข้าเตาอบหรือนึ่ง ควรเลือก PLA หรือถุงฟิล์มพลาสติกแบบ Food Grade ทนทานความร้อน

สรุป

การเคลือบกล่องกระดาษใส่อาหารมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ผู้ประกอบการควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทอาหาร งบประมาณ และความต้องการของธุรกิจ ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีการเคลือบที่เหมาะสม เพื่อให้ได้บรรจุภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค