ที่มากล่องลิปสติก
ปัจจุบันนี้ เรามักจะเห็นความหลากหลายของการแข่งขันในเรื่องของผลิตภัณฑ์ลิปสติกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ ที่ต่างก็มีการพัฒนาลิปสติกรูปแบบใหม่ ๆ ทั้งความทนทาน เนื้อสัมผัส รวมทั้งเฉดสีที่มีให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว ยังไม่นับรวมการจัดแพคเกจแบบเป็นชุด ชุดละ 5-10-24 สีให้เลือกซื้อกันตามความต้องการ ในราคาที่ไม่แพงมากเมื่อเทียบกับสมัยก่อน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ผลิตลิปสติกหน้าใหม่ ๆ มีเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน เพราะเชื่อว่าอย่างไรก็ตาม ลิปสติกก็เป็นสิ่งของที่ขาดไม่ได้สำหรับสาว ๆ อยู่ดี
รู้ไหมว่าลิปสติกมีจุดเริ่มต้นจากอะไร
ลิปสติกที่มีใช้กันทั่วไปอยู่ในปัจจุบันนี้ มีจุดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยอารยธรรมสุเมเรียน ที่เก่าแก่ยิ่งกว่าอารยธรรมอียิปต์โบราณ (มากกว่า 5,000 ปีที่แล้ว) โดยสาว ๆ สมัยนั้นจะนำอัญมณีชนิดหนึ่ง ที่คาดกันว่าเป็นไข่มุก มาตกแต่งบริเวณรอบดวงตาและปาก เพื่อให้มีความแวววาวและสวยงาม จากนั้นจึงได้มีการพัฒนานำสีธรรมชาติมาตกแต่งเพื่อเพิ่มสีสันมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ได้รับความนิยมมาจนถึงยุคกรีก ที่ได้มีการแยกการผลิตเครื่องสำอางให้เป็นเทคนิคทางการแพทย์เบื้องต้นเลย และมีข้อบังคับให้หญิงสาวต้องแต่งหน้าให้เกิดความดูดีด้วย
แต่เมื่อมาถึงยุคกลาง หรือยุคมืดที่รัฐถูกศาสนจักรครอบงำ ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่าหญิงที่ทาปากด้วยลิปสติก เป็นผู้หญิงชั้นต่ำที่เป็นได้ทั้งแม่มด และโสเภณี ถึงขั้นมีการร่างกฎหมายให้ผู้ชายสามารถยกเลิกการแต่งงานได้ด้วยเหตุของลิปสติกที่อาจถูกใช้เป็นเครื่องยั่วยวนใจ แต่เมื่อผลัดเปลี่ยนยุคสมัยนั้นมา ลิปสติกก็กลายเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะและชนชั้น แม้กระทั่งผู้ชายก็ต้องทาปากเช่นกัน ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ จอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ใส่วิกพร้อมกับแต่งหน้าทาปาก เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นชนชั้นสูงและเป็นประธานาธิบดี
จนเมื่อถึงยุค 1930 ลิปสติกก็เป็นที่เฟื่องฟูมากขึ้น เมื่อ เอลิซาเบธ อาร์เด็น ที่มีโรงงานผลิตเครื่องสำอางชื่อเดียวกับเธอ เป็นผู้ผลิตลิปสติกเพื่อวางจำหน่ายขึ้นเป็นคนแรก และได้มีการพัฒนาให้ลิปสติกมีเฉดสีมากยิ่งขึ้น แต่ถึงกระนั้นความเชื่อสมัยโบราณว่าผู้หญิงที่ทาลิปสติกเป็นผู้หญิงชั้นต่ำก็ยังมีอิทธิพลระดับหนึ่ง แต่ภายหลังอีก 20 ปีถัดมาที่เริ่มเป็นยุคทองของฮอลลีวู้ด พร้อมกับการเข้ามาของดาราสาวค้างฟ้า 2 คน คือมาริลีน มอนโร และเอลิซาเบธ เทย์เลอร์ ที่คลั่งไคล้การทาปากด้วยลิปสติกสีแดง (เทย์เลอร์ถึงกับห้ามคนในกองถ่ายทาปากด้วยสีเดียวกับเธอ) จากนั้นมาการทาลิปสติกก็ฮิตติดลมบนมาจนถึงทุกวันนี้
การสร้างแบรนด์ลิปสติกเป็นของตัวเอง
เมื่อรู้ประวัติลิปสติกที่เราได้นำเสนอไปคร่าว ๆ แล้ว ก็เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะมีความหลงใหลในลิปสติกมากขึ้น จนถึงขั้นอาจจะอยากสร้างเป็นธุรกิจของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นก็ยังหวั่นใจพอสมควร เพราะเกรงว่าจะช้าเกินไป และคู่แข่งก็มีมากเหลือเกินในตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เครื่องสำอางจากนอกเจ้าดัง ที่เริ่มลดราคาลงมาดึงลูกค้าเรื่อย ๆ แบรนด์เครื่องสำอางของดาราชื่อดัง ที่สามารถยืนสู้กับคู่แข่งได้จากความน่าเชื่อถือของตัวดาราเอง รวมทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์น้อย ที่มีทั้งผู้ผลิตในประเทศไทย และผู้ผลิตจากเอเชียด้วยกันอย่าง เกาหลี และญี่ปุ่นที่เริ่มตีตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจไม่แน่จว่า เราจะเอาจุดเด่นอะไรไปสู้กับเขาได้
เราก็ขอแนะนำว่า หากคิดจะสร้างแบรนด์ลิปสติกจริง ๆ ก็ขอให้เลิกคิดถึงปัญหาต่าง ๆ ในส่วนนั้นได้เลย เพราะจะยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น แต่ให้เอาข้อดีของการแข่งขันตลาดลิปสติกมาใช้ เช่นการสำรวจตลาดว่าผู้หญิงส่วนมากชอบใช้ลิปสติกประเภทไหนกันบ้าง ในการจะเลือกซื้อลิปสติกใหม่สักแท่งมีการเลือกจากอะไร และบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม มีความน่าสนใจต่อการเลือกซื้อบ้างหรือไม่ เพียงทั้ง 3 ข้อนี้ก็ช่วยให้คุณสามารถกำหนดทิศทางของแบรนด์สินค้าของคุณได้แล้ว
การสร้างตัวอย่างบรรจุภัณฑ์
ไม่ว่าคุณจะจ้างนักออกแบบ หรือตัวคุณเองเป็นผู้ออกแบบบรรจุภัณฑ์ของตัวเองตามวิธีการข้างบนตามที่ได้กล่าวมา แต่การที่บรรจุภัณฑ์จะออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ก็ต้องเกิดจากการสร้างตัวอย่างก่อน เพื่อให้คุณได้มีโอกาสปรับแก้ไข ก่อนที่จะมีการสั่งผลิตจริง ซึ่งบางโรงพิมพ์ก็ไม่มีในส่วนนี้ให้ดู ผลก็คือต้องมีการแก้ใหม่ทั้งหมด หรือเสียหายไปทั้งหมดโดยที่คุณก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ คุณจึงควรมองหาโรงพิมพ์สำหรับผลิตกล่องลิปสติกของคุณที่สามารถสร้างตัวอย่างให้ดูได้จริง อย่างเช่นโรงพิมพ์ของเรา ที่มีบริการทำตัวอย่างให้ดูทั้งแบบ 3D และสั่งพิมพ์เป็นตัวอย่างให้ดูจริง ๆ รู้หรือไม่ว่าปัญหาของโรงพิมพ์ที่เจอบ่อย ๆ ในการสั่งผลิตกล่อง ก็คือเรื่องของสีที่เพี้ยนจากความเป็นจริง คุณจึงควรพิจารณาในส่วนนี้ให้ดี เพราะถ้าหากไม่ถูกใจก็จะได้ให้โรงพิมพ์แก้ให้ตั้งแต่ตอนนี้เลย และเมื่อทุกอย่างเป็นที่พึงพอใจแล้ว ก็เป็นเรื่องของการประเมินราคา ตามจำนวนที่คุณสั่ง และการสั่งผลิตจริง
การขึ้นรูปและความคมชัดของกล่อง
การเลือกโรงพิมพ์กล่องลิปสติกสำหรับแบรนด์ของคุณที่ดีอีกอย่าง นอกจากการขึ้นตัวอย่างให้ดู ก็คือเรื่องของการเลือกใช้กระดาษ การใช้เทคนิคพิเศษอย่างการเคลือบหรือการปั๊มจม รวมทั้งรอยตัดกระดาษ รอยพับกระดาษ ที่ควรจะมีความละเอียดจริง ๆ คือไม่มีเศษหลุดลุ่ยออกมาให้รำคาญใจ และกล่องต้องสามารถนำมาขึ้นรูปได้โดยง่าย ไม่ต้องหงุดหงิดเสียอารมณ์กับการมานั่งพับเองใหม่ ที่อาจจะทำให้ทรงกล่องดูเบี้ยวไปอีกด้วย จึงจะเรียกได้ว่า เป็นโรงงานที่มีคุณภาพจริง ๆ
ทดลองผลิตสินค้าออกมา
เมื่อสำรวจตลาดจนได้คำตอบแล้ว และคุณก็มั่นใจว่าจะเลือกทำธุรกิจนี้อย่างแน่นอน ก็ให้หาวิธีผลิตสินค้าออกมาได้เลย ซึ่งคุณอาจจะต้องไปศึกษาใหม่ทั้งหมดว่าการจะผลิตลิปสติกแท่งหนึ่ง ต้องมีปัจจัยอะไรมาเกี่ยวข้องบ้าง มีบริษัทที่เป็นทีมนักวิจัยเพื่อผลิตภัณฑ์ทั้งหมดกี่เจ้าในประเทศไทย และแต่ละเจ้าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้ควรจะเป็นส่วนที่ละเอียดที่สุด เพราะสินค้าจะต้องอยู่กับคุณไปอีกนาน หากเป็นไปได้ คุณก็ควรมีส่วนร่วมในการออกความเห็นหรือเป็นผู้ตัดสินใจเองให้มากที่สุดด้วย จากนั้นก็รอให้การผลิตเสร็จสิ้น เพียงเท่านี้คุณก็จะได้สินค้าที่กำลังจะเป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์สินค้าคุณแล้ว
การวางแผนการตลาด
เมื่อคุณพึงพอใจกับสินค้าที่ผลิตแล้ว คราวนี้ก็เป็นเรื่องของการตลาดที่คุณจะต้องวางแผนแล้วว่า จะทำอย่างไรให้มียอดขายมากที่สุด ซึ่งก็เป็นเรื่องของการวางแผนโปรโมทสินค้า การทำบัญชีต่าง ๆ และที่ต้องห้ามลืมเด็ดขาด ก็คือเรื่องของการสร้างบรรจุภัณฑ์ให้กับสินค้าของคุณ หลาย ๆ คนมักจะให้ความสำคัญกับการวิจัยผลิตภัณฑ์ จนลืมให้ความสนใจกับบรรจุภัณฑ์จนเป็นเหตุที่ทำให้ไม่สามารถขายได้ตามที่ต้องการ ถ้าคุณต้องการจะแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด ก็ต้องใส่ใจกับบรรจุภัณฑ์ให้มากพอ ๆ กับการผลิตเครื่องสำอางของคุณเลย เพราะมันจะต้องอยู่กับคุณไปอีกนานเช่นกัน ซึ่งถ้าไม่อยากรู้สึกยุ่งยากในส่วนนี้ ก็สามารถจ้างนักออกแบบกล่องให้เป็นผู้ดูแลตามความต้องการได้ หรือจะลองออกแบบด้วยตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งเราขอแนะนำให้ใช้หลักการ 5W 1H นั่นก็คือ
WHAT
สินค้าของคุณคืออะไร มีคุณประโยชน์อะไร ซึ่งในที่นี้สินค้าของคุณคือลิปสติก มีประโยชน์เพื่อการแต่งเติมสีสันให้กับใบหน้านั่นเอง
WHO
คุณต้องการขายสินค้าของคุณให้กับกลุ่มเป้าหมายใด เช่น เพศไหน ช่วงอายุเท่าไร มีสไตล์ในการใช้ชีวิตเป็นแบบใด ยิ่งคุณสามารถจำกัดกลุ่มเป้าหมายในข้อนี้ได้แคบมากเท่าใด จะยิ่งทำให้การออกแบบทำได้ง่ายขึ้น เช่น คุณต้องการขายลิปสติกให้กับผู้หญิง ในช่วงวัยทำงานที่ชอบความหรูหรา และมีกำลังซื้อสูง คุณจึงควรออกแบบผลิตภัณฑ์ของคุณด้วยสีน้ำตาล ขาว หรือดำ โดยใช้ฟ้อนท์อักษรแบบตัวเขียนภาษาอังกฤษสีทอง จะทำให้สินค้าดูมีรสนิยม และดูน่าค้นหามากขึ้นด้วย
WHEN
คุณต้องการวางจำหน่ายสินค้าของคุณเมื่อใด เช่น ไม่มีกำหนด หรือต้องการวางพร้อมเทศกาลต่าง ๆ อย่างช่วงปีใหม่ วาเลนไทน์ วันฮาโลวีน เป็นต้น คุณก็อาจจะเอาเทศกาลเหล่านี้มาตกแต่งให้กับบรรจุภัณฑ์ของคุณ ซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตบางเจ้าก็ได้ติดต่อซื้อลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนจากต่างประเทศ เพื่อดึงดูดลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน และถ้าหากว่าสินค้าของคุณติดตลาดแล้ว คุณก็อาจจะผลิตรุ่น Limited Edition ออกมาเพื่อสร้างความสนใจและความต้องการครอบครองของลูกค้าของคุณอีกก็ย่อมได้
WHERE
คุณต้องการจำหน่ายสินค้าของคุณที่ไหน เช่น ขายเองตาม Social Media หรือขายผ่านตลาดต่าง ๆ เช่นตลาดกลางคืนอย่างตลาดนัดรถไฟ ตลาดนัดจตุจักร เป็นต้น ฝากขายตามร้านเครื่องสำอางต่าง ๆ ขายผ่านตัวแทน หรือแม้กระทั่งส่งออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้น คุณควรสร้างจุดเด่นให้กับบรรจุภัณฑ์ของคุณ หรือลูกเล่นให้ดูสะดุดตาเมื่อแรกเห็น เพราะถ้าหากสินค้าคุณต้องไปวางรวมกับสินค้าอื่น เช่น คุณอาจจะสร้างสีสันที่ตัดกันแบบมีรสนิยมบนบรรจุภัณฑ์ของคุณ หรือออกแบบรูปทรงของบรรจุภัณฑ์ให้มากกว่ารูปแบบสี่เหลี่ยม ซึ่งก็เป็นที่สะดุดตาพอสมควร เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะให้ลูกค้าได้มาสอบถามแล้วว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้คืออะไร และอาจจะสร้างยอดขายได้จากความแปลกใหม่ของบรรจุภัณฑ์อีกด้วย
WHY
ทำไมผู้บริโภคถึงต้องสนใจสินค้าของคุณ คำถามนี้ เหล่าผู้ผลิตมักจะชอบตอบว่า เป็นเพราะคุณภาพของสินค้า จึงทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจ แต่ลองคิดดู การจะเห็นคุณภาพของสินค้าที่อยู่ภายในนั้น ก็จะต้องเห็นบรรจุภัณฑ์ก่อน ซึ่งถ้าหากว่าบรรจุภัณฑ์เป็นแบบธรรมดา ไม่มีลูกเล่น ไม่มีอะไรดึงดูด ก็คงจะไม่สามารถทำให้ลูกค้าเลือกมาดูเพื่อดูคุณภาพภายในสินค้าได้ ซึ่งนี่จึงเป็นเหตุผลหลักว่า การที่ผู้บริโภคจะสนใจสินค้าของคุณ ก็ต้องเกิดจากการมีบรรจุภัณฑ์ที่ดีก่อนเป็นอันดับแรก
HOW MUCH
คุณจะขายสินค้าของคุณในราคาเท่าใด แต่ก่อนที่คุณจะตัดสินใจข้อนี้ได้ คุณต้องรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในการผลิตสินค้าและบรรจุภัณฑ์ เช่น ค่าขนส่ง ค่าแรงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ยิ่งถ้าหากมีค่าบรรจุภัณฑ์ที่สูง และมีค่าโปรโมทสินค้าสูง ก็อาจจะทำให้สินค้าต้องมีราคาที่สูงตาม คุณจึงควรคิดหาวิธีที่จะชดเชยในส่วนนี้ประกอบด้วย เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้าของคุณแพงเกินไปนั่นเอง
และนี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ลิปสติก สำหรับนักธุรกิจมือใหม่ที่ควรรู้ ไม่มีอะไรที่ยากจนเกินไป แต่ก็ไม่มีอะไรที่ง่ายจนเกินไปเช่นกัน และไม่ใช่แค่เพียงมีเงินอย่างเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำได้ เพราะเจ้าของหรือผู้ผลิตก็ต้องให้ความใส่ใจกับทุกขั้นตอนของการผลิตด้วย จริงอยู่ว่าการมีเงินอาจจะทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ของคุณเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากขาดซึ่งการเอาใจใส่ และการประยุกต์ใช้ความรู้ต่าง ๆ ก็เป็นอันมั่นใจได้ว่า อีกไม่นานธุรกิจของคุณก็คงต้องปิดตัวลงอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเรื่องราวของบรรจุภัณฑ์ ที่ควรจะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ทั้งขั้นตอนการออกแบบกล่อง การเลือกวัสดุอุปกรณ์ การตรวจดูและแก้ไขตัวอย่าง จนถึงขั้นสุดท้ายก็คือการขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ ต่างก็มีรายละเอียดที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการวิจัยผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมา
ถ้าหากใครไม่อยากยุ่งยากในเรื่องนี้ เราก็ยินดีให้บริการในทุกขั้นตอนที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการออกแบบ เราก็มีนักออกแบบที่มีประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 ปี ที่สามารถขึ้นตัวอย่างให้ดูได้ทันทีที่การออกแบบสำเร็จ รวมทั้งการผลิตบรรจุภัณฑ์ เราก็มีทั้งช่างฝีมือดีและเครื่องจักรที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านการรับรองมาตรฐานเป็นที่เรียบร้อยไว้คอยรับรองการใช้บริการของคุณ เพื่อให้แบรนด์สินค้าของคุณได้มีบรรจุภัณฑ์ที่ดีและไม่เหมือนใคร สามารถแย่งชิงพื้นที่การตลาดได้อย่างง่ายดาย
