มีบุคคลหนึ่งนั่งอยู่ กำลังสำรวจหรือเลือกสติ๊กเกอร์ต่าง ๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ

สติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

สติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า ไม่ได้มีหน้าที่แค่บอกข้อมูลของสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นยอดที่ช่วยให้สินค้าของคุณไม่หลุดออกจากสายตาและความสนใจของลูกค้า ไม่ว่าจะวางอยู่บนชั้นวางในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้าทั่วไป สติ๊กเกอร์สินค้าที่ออกแบบมาดี ย่อมช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่า

แต่กว่าจะได้สติ๊กเกอร์สินค้าสักแผ่น ก็ต้องผ่านขั้นตอนการเลือกประเภทของวัสดุมากมายที่มีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติ จุดเด่น และข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป พร้อมแล้วไปดูกันเลยว่า “สติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า” มีกี่ประเภท และมีอะไรบ้าง พร้อมทั้งเทคนิคการเลือกใช้ให้ตรงใจและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด

ประเภทของสติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า

มีคนหนึ่งยืนอยู่หน้าตู้โชว์ที่เต็มไปด้วยฉลากที่หลากหลายรูปแบบ มีทั้งฉลากกลม สี่เหลี่ยม และรูปทรงอื่น ๆ

1.สติ๊กเกอร์กระดาษ

  • เป็นสติ๊กเกอร์ที่ทำจากกระดาษ มีราคาถูก
  • เหมาะสำหรับงานพิมพ์ทั่วไป ไม่เน้นความคงทน
  • มีให้เลือกทั้งผิวมันและผิวด้าน
  • ไม่ทนน้ำ ไม่เหมาะกับสินค้าที่โดนความชื้น

2.สติ๊กเกอร์ PP

  • ทำจากพลาสติก PP (Polypropylene) แข็งแรง ทนทาน
  • มีความยืดหยุ่นสูง ลอกออกได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบกาว
  • กันน้ำ เหมาะกับสินค้าที่ต้องโดนน้ำหรือความชื้น
  • ผิวมันเงา สีสันสดใส เหมาะกับงานที่ต้องการความโดดเด่น

3.สติ๊กเกอร์ PVC

  • ทำจากพลาสติก PVC เคลือบผิวมัน มีความแข็งแรงทนทาน
  • กันน้ำ โดนน้ำมันได้ เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความคงทน
  • สีสันคมชัด เหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการความสวยงาม
  • มีราคาสูงกว่ากระดาษและ PP

4.สติ๊กเกอร์คราฟท์

  • ทำจากกระดาษคราฟท์ มีสีน้ำตาลอ่อน ลายเส้นใยเป็นเอกลักษณ์
  • ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ดูอบอุ่น vintage
  • เหมาะกับแบรนด์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ organic
  • กระดาษบาง ฉีกขาดได้ง่าย ไม่เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความคงทน

5.สติ๊กเกอร์ฟอยล์

  • ทำจากแผ่นฟอยล์อลูมิเนียม หรือพลาสติกเคลือบผิวมันวาว
  • ให้ความรู้สึกหรูหรา พรีเมี่ยม เพิ่มมูลค่าให้สินค้า
  • สะท้อนแสง โดดเด่น เหมาะกับสินค้าระดับพรีเมี่ยม
  • มีราคาสูง ต้นทุนในการผลิตสูง
เป็นการจัดวางฉลากสินค้าที่หลากหลายบนโต๊ะ ทั้งในขนาดเล็กและขนาดใหญ่

ขนาดและรูปแบบของสติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า ยอดนิยม

นอกจากประเภทของวัสดุแล้ว ขนาดและรูปแบบของสติ๊กเกอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเช่นกัน เพื่อให้สติ๊กเกอร์มีขนาดที่พอดี และรูปทรงที่ลงตัวกับบรรจุภัณฑ์ของสินค้า โดยขนาดและรูปแบบสติ๊กเกอร์ที่ได้รับความนิยม มีดังนี้

  • สติ๊กเกอร์ทรงกลม – เป็นสติ๊กเกอร์ทรงพื้นฐานที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ทรงกระบอก ขวด โหล เช่น ขวดเครื่องสำอาง, ขวดน้ำผลไม้ ให้ลุคที่ดูเรียบง่าย สะอาดตา อ่านง่าย นิยมใช้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 1-10 cm
  • สติ๊กเกอร์ทรงสี่เหลี่ยม – มีรูปทรงเหลี่ยมมุมฉาก ได้แก่ สี่เหลี่ยมจัตุรัส และสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นรูปทรงมาตรฐานที่ใช้งานได้อย่างหลากหลาย เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ทรงสี่เหลี่ยม เช่น กล่องสบู่ กล่องขนม ซอง ถุง สามารถจัดวางข้อความและกราฟิกได้ง่าย ภายในพื้นที่สี่เหลี่ยม ขนาดที่นิยมใช้ เช่น 3×3, 5×5, 3×5, 5×8 cm
  • สติ๊กเกอร์ไดคัท – เป็นสติ๊กเกอร์ที่สามารถตัดรูปทรงได้อย่างอิสระ ไม่จำกัดแค่ทรงกลมหรือเหลี่ยม มีการตัดให้พอดีกับรูปทรงของบรรจุภัณฑ์แบบต่างๆ เช่น ขวดน้ำหอม หลอดครีม ปากกา สามารถตัดเป็นรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ตามรูปแบบกราฟิกได้ เช่น รูปใบไม้ ดาว หัวใจ และสติ๊กเกอร์นี้ยังช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับสินค้า สร้างความแตกต่าง และดึงดูดสายตาลูกค้า
  • สติ๊กเกอร์แบบม้วน – มีลักษณะเป็นม้วนยาว สามารถตัดแบ่งใช้ได้ เหมาะสำหรับใช้กับบรรจุภัณฑ์ที่มีพื้นผิวทรงกระบอกหรือโค้งมน สะดวกในการปิดผนึกซองหรือถุงพลาสติกแบบม้วน สามารถพิมพ์ข้อความหรือบาร์โค้ดแบบต่อเนื่องได้

นอกจากนี้ยังมีสติ๊กเกอร์รูปทรงพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ที่สามารถผลิตได้ตามความต้องการ โดยต้องอาศัยการออกแบบและการพิมพ์ที่แม่นยำ เพื่อให้ได้สติ๊กเกอร์ที่มีรูปทรงสวยงาม คมชัด ตรงตามแบบที่กำหนดไว้ การเลือกใช้ขนาดและรูปแบบของสติ๊กเกอร์ให้เหมาะกับสินค้า จะช่วยอัพเกรดภาพลักษณ์และเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้เป็นอย่างดีค่ะ

มีคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าชั้นวางสินค้าหลากหลายชนิด เช่น ผลไม้และบรรจุภัณฑ์อาหาร ในร้านหรือซูเปอร์มาร์เก็ต

การเลือกวัสดุสติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า ให้เหมาะสมกับสินค้า

การเลือกใช้สติ๊กเกอร์ ฉลากสินค้า ให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละประเภท ต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน ได้แก่

  1. ลักษณะการใช้งานของสินค้า เช่น สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ควรเลือกสติ๊กเกอร์ราคาไม่แพง อย่างสติ๊กเกอร์กระดาษ หรือ PP ส่วนสินค้าที่ต้องการความคงทน เช่น ขวดน้ำยาทำความสะอาด ควรเลือกสติ๊กเกอร์แบบพลาสติก PVC หรือ PP ที่กันน้ำได้
  2. สไตล์และภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น แบรนด์ที่ต้องการความหรูหรา ดูมีระดับ อาจเลือกใช้สติ๊กเกอร์ฟอยล์ ส่วนแบรนด์ที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ต้องการอารมณ์อบอุ่น อาจเลือกสติ๊กเกอร์กระดาษคราฟท์
  3. งบประมาณ สติ๊กเกอร์กระดาษจะมีราคาถูกที่สุด ตามด้วย PP, PVC และฟอยล์ ตามลำดับ
  4. ปริมาณการสั่งผลิต โรงพิมพ์บางแห่งมีการกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการผลิต ดังนั้นควรสอบถามข้อมูลราคาและจำนวนการผลิตจากโรงพิมพ์หลายๆ แห่ง เพื่อเปรียบเทียบราคาและเลือกแบบที่คุ้มค่าที่สุด
  5. ระยะเวลาในการใช้งาน หากต้องการให้ฉลากสินค้าคงทนใช้งานนาน ต้องเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน อย่างเช่น PP หรือ PVC

สรุป

สติ๊กเกอร์และฉลากสินค้าเป็นเครื่องมือการตลาดสำคัญที่ช่วยให้สินค้าโดดเด่น เพิ่มการจดจำแบรนด์ และดึงดูดความสนใจจากลูกค้า ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายประเภท ทั้งสติ๊กเกอร์กระดาษ, PP, PVC, คราฟท์ และฟอยล์ โดยแต่ละประเภทมีคุณสมบัติ ข้อดี ข้อจำกัด และความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันไป นอกจากประเภทของวัสดุแล้ว ขนาดและรูปแบบของสติ๊กเกอร์ที่หลากหลาย ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นทรงกลม สี่เหลี่ยม ไดคัท หรือแบบม้วน เพื่อให้สอดคล้องกับบรรจุภัณฑ์และภาพลักษณ์ของสินค้า ดังนั้นหากคุณต้องการเลือกใช้สติ๊กเกอร์และฉลากสินค้าอย่างเหมาะสม จะต้องคำนึงถึงงบประมาณ ดีไซน์ คุณภาพ และปริมาณการสั่งผลิต จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้สินค้าดูโดดเด่น น่าเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงใจผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ